Uncategorized

5 เทคนิคเลือกซื้ออุปกรณ์สำหรับทำกาแฟที่บ้าน เน้นใช้จริง งบลงตัว!

เลือกอุปกรณ์ทำกาแฟที่บ้านอย่างไร

การชงกาแฟดื่มเองที่บ้านถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการเริ่มต้นทุกวันด้วยความสดชื่น และยิ่งถ้ามีมุมโฮมคาเฟ่ที่มาพร้อมอุปกรณ์ทำกาแฟที่บ้านแบบครบเซตด้วยแล้วก็จะยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนได้ออกไปที่นั่งจิบกาแฟที่คาเฟ่เลยทีเดียว

สำหรับใครที่กำลังมองหาอุปกรณ์ชงกาแฟที่บ้านคุณภาพดีเพื่อจัดมุมโฮมคาเฟ่ได้อย่างครบครันและลงตัวมากที่สุด วันนี้เราได้รวบรวมเทคนิคการเลือกซื้ออุปกรณ์ชงกาแฟที่บ้านที่ ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานจริงและอยู่ในงบประมาณที่ต้องการมาให้

 

1. ทำความเข้าใจวิธีการชงกาแฟต่าง ๆ และศึกษาว่าตัวเองชอบวิธีแบบไหน

นอกจากจะมีหลายสายพันธุ์ หลายวิธีการคั่ว และมีวิธีการเบลนด์ที่แตกต่างกันไปแล้ว เมล็ดกาแฟแต่ละแบบยังมีวิธีการชงที่แตกต่างกันด้วย อีกทั้งยังมีการใช้อุปกรณ์มากมายเพื่อสร้างรสชาติในหลาย ๆ มิติ ด้วยเหตุนี้ ใครที่ต้องการจะเดินในสายชงกาแฟกินเองที่บ้านอย่างจริงจัง จึงควรศึกษาถึงเรื่องเมล็ดกาแฟ รวมถึงวิธีการชงรูปแบบต่าง ๆ ให้เชี่ยวชาญ ก่อนเริ่มซื้ออุปกรณ์ชงกาแฟที่บ้านมาใช้

หากใครยังไม่รู้จะเริ่มต้นจากจุดไหน The Home Barista ขอแนะนำให้เริ่มค้นหากาแฟที่ใช่ง่าย ๆ ใน 2 ขั้นตอน

  1. ลองสั่งกาแฟหลาย ๆ ประเภทจากร้านที่ชอบ เพื่อค้นหาสไตล์ที่ลงตัวกับตัวเองดูก่อน โดยอาจเริ่มต้นจากการสั่งกาแฟที่ใช้เอสเพรสโซเป็นเบสในการชง เพื่อค้นหาโปรไฟล์และเบลนด์กาแฟที่ชอบ จากนั้นจึงค่อย ๆ ลองไปที่กาแฟใส่นม กาแฟดริป และกาแฟจากมุม Slow Bar ประเภทอื่น ๆ
  2. เมื่อค้นพบเมล็ดกาแฟที่ชื่นชอบและสไตล์การชงกาแฟที่ใช่ได้แล้ว จึงค่อยมามองหาอุปกรณ์ทำกาแฟที่บ้านที่เหมาะสม โดยอาจเริ่มศึกษาง่าย ๆ จากวิธีการชงกาแฟ 2 สาย ซึ่งจะประกอบไปด้วย
  • สาย Speed Bar เน้นการชงกาแฟเอสเพรสโซแรงดันสูง ซึ่งจะมีอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานหลัก ดังนี้
    • เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso Machine) หรือจะเลือกเป็น Manual Espresso Machine ก็ได้
    • เครื่องบดกาแฟ ซึ่งอาจเป็นเครื่องบดกาแฟมือ หรือ เครื่องบดกาแฟไฟฟ้า
    • เมล็ดกาแฟสำหรับชงเอสเพรสโซ
  • สาย Slow Bar เน้นการชงกาแฟโดยไม่ใช่แรงดันสูง ซึ่งอุปกรณ์พื้นฐานจะประกอบไปด้วย
    • อุปกรณ์ชงทางเลือก (Alternative brewing tools) เพื่อดึงกลิ่น อโรม่า และรสชาติพิเศษอื่น ๆ ของกาแฟ เช่น ดริปเปอร์ เหยือกเสิร์ฟ AeroPress และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ชื่นชอบ
    • เครื่องบดกาแฟมือ หรือ เครื่องบดกาแฟไฟฟ้าที่มีผงค้างน้อย
    • เมล็ดกาแฟที่เหมาะสำหรับสาย Slow Bar อาจเป็นเมล็ดกาแฟพิเศษ หรือ Specialty Coffee ที่มีโปรไฟล์ที่ชื่นชอบ

2. ดูงบประมาณ

จุดเริ่มต้นในทำกาแฟที่บ้านของทุกคนอาจแตกต่างกันออกไป แต่มั่นใจได้เลยว่า หนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายคนอยากทดลองทำกาแฟเองที่บ้าน คือ ความเชื่อว่าการทำกาแฟเองจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้

อย่างไรก็ดี แม้ว่าราคาเมล็ดกาแฟอาจเริ่มต้นตั้งแต่ถุงละร้อยกว่าบาท แถมใคร ๆ ก็ฝึกชงกาแฟให้อร่อยได้ แต่อุปกรณ์ชงกาแฟที่บ้านก็มาพร้อมกับงบประมาณที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการชง คุณภาพ และแบรนด์ของอุปกรณ์ที่เลือก ซึ่งในจุดนี้อาจทำให้งบประมาณที่ใช้อาจเริ่มต้นจากหลักพันไปจนถึงหลักแสนบาทก็เป็นได้ ดังนั้น Home Brewer แนะนำว่าอย่าลืมตั้งงบประมาณที่เหมาะสมกับคุณภาพของกาแฟที่พึงพอใจ เพื่อเป็นการวางแผนซื้ออุปกรณ์ชงกาแฟที่เหมาะสมด้วย

3. ฟังก์ชันการใช้งานของอุปกรณ์ต้องดีพอ

เมื่อจำกัดงบประมาณของอุปกรณ์ชงกาแฟที่บ้านได้แล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การมองหาอุปกรณ์ที่มีความสามารถสอดคล้องกับงบประมาณของเรา โดยควรพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  1. ความสามารถของอุปกรณ์ (Function) เช่น เครื่องบดกาแฟที่ดีควรมีประสิทธิภาพในการบดที่สม่ำเสมอ (Even Grind Size Distribution) และมีปริมาณผงค้างที่น้อย (Low Grind Retention) หรือ เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ดีก็ควรต้มอุณหภูมิน้ำได้คงที่ ชงกาแฟด้วยแรงดันที่สม่ำเสมอ และสามารถให้ลูกค้าตั้งค่าที่เหมาะสม ที่สำคัญ คุณภาพของอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ดีมักจะไปตามราคา
  2. รูปแบบการใช้งาน เช่น หากใครเน้นการทำกาแฟเร็ว ๆ ในแต่ละวันก็อาจเลือกมองหาเครื่องบดกาแฟไฟฟ้า พร้อมเครื่องทำเอสเพรสโซ่แบบ Speed Bar หรือถ้าใครชอบสาย Slow Bar ก็อาจเลือกมองหา Manual Espresso ที่ใช้งานสะดวกและดูแลได้ง่าย
  3. ความสะดวกในการทำความสะอาด เพราะอย่าลืมว่ากาแฟจะออกมาดีได้ เครื่องทำกาแฟและเครื่องบดเองต้องสะอาดด้วย ดังนั้น ควรเลือกอุปกรณ์ชงกาแฟที่บ้านที่ทำความสะอาดได้ง่ายเพื่อรักษารสชาติที่ดีของกาแฟทุกแก้วได้ทุกวัน

 

เทคนิคเลือกอุปกรณ์ชงกาแฟที่บ้าน

4. ดูบริการหลังการขาย หรือ After Sale Service ร่วมด้วย

นอกจากจะพิจารณาจากฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ แล้ว Home Brewer แนะนำให้ดูถึงปัจจัยสำคัญอื่น ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อร่วมด้วย โดยอาจพิจารณาจากเรื่องอะไหล่และการซ่อมแซม ตลอดจนการให้คำแนะนำต่าง ๆ เป็นหลัก เพราะอย่าลืมว่าทุกอุปกรณ์ย่อมมีวันเสื่อมสภาพ ดังนั้น การซื้ออุปกรณ์ชงกาแฟที่บ้านให้มีประสิทธิภาพยังควรคำนึงถึงเรื่องอะไหล่ และบริการหลังการขายเพื่อให้มั่นใจว่า หากเครื่องหรืออุปกรณ์เกิดมีปัญหา ร้านค้าจะสามารถให้คำแนะนำ ซ่อม หรือมีอะไหล่เปลี่ยนให้ได้

5. เลือกอุปกรณ์ที่ดีไซน์ลงตัวกับสไตล์การตกแต่งของบ้าน

แต่ละบ้านมีสไตล์การตกแต่งที่แตกต่างกันออกไป และอุปกรณ์กาแฟนั้นไม่เป็นเพียงอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับชงกาแฟเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นของตกแต่งบ้านอีกด้วย ดังนั้น Home Brewer ควรตกลงกับคนในบ้านเพื่อช่วยกันออกแบบมุมกาแฟร่วมกัน ซึ่งสามารถวางแผนเลือกอุปกรณ์ทำกาแฟที่บ้านง่าย ๆ โดยพิจารณาจากปัจจัยเบื้องต้น ดังนี้

  1. สี: เช่น คุมโทนเป็นสีเงิน ขาว หรือดำทั้งหมด พร้อมกับเลือกใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีสีโทนเดียวกัน หรืออาจไล่สีให้เข้ากับตัวบ้าน
  2. สไตล์การตกแต่ง บางบ้านอาจชอบมุมกาแฟในแบบมินิมอล คลาสสิค หรือเน้นสีสันที่สดใส

 

เป็นอย่างไรกันบ้างกับทั้ง 5 เทคนิคการเลือกอุปกรณ์ทำกาแฟที่บ้าน ทำตามไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ หากใครกำลังวางแผนจะเปลี่ยนบ้านมุมเดิม ๆ ให้กลายเป็นคาเฟ่ที่ใคร ๆ ก็ชื่นชอบ อย่าลืมนำทั้ง 5 เทคนิคนี้ไปปรับใช้ด้วย และหากใครกำลังมองหาอุปกรณ์ชงกาแฟที่บ้านคุณภาพดีจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก The Home Barista ก็มาพร้อมกับอุปกรณ์ชงกาแฟแบบครบจบตั้งแต่เมล็ด คอร์สเรียน ไปจนถึงอุปกรณ์ชงประเภทต่าง ๆ ตอบโจทย์ทั้งบาริสต้ามือใหม่และผู้เชี่ยวชาญ แถมยังมีราคาหลายระดับให้ได้เลือกซื้อ ถูกใจคอกาแฟทั้งบ้านอย่างแน่นอน